Friday, June 18, 2010

คนกับน้ำ-น้ำกับคน

คนกับน้ำ-น้ำกับคน?เรื่องน้ำก็เลยเป็นเรื่อง ใหญ่ไม่ใช่ระดับประเทศเท่านั้น แต่เป็นเรื่องใหญ่ระดับโลกทีเดียวแหละฉะนั้น ก็ขออนุญาตไว้ก่อนว่าจะค่อยๆเขียนเรื่องใหญ่เหล่านี้ไปทีละตอนตามความเหมาะ สมแก่กาละและเทศะ คุณผู้อ่านจะได้ไม่เบื่อ

อาทิตย์นี้ขอเล่า เรื่องน้ำดื่มก่อน ซึ่งว่าที่จริงน้ำดื่มสำคัญต่อชีวิตเราอย่างที่สุด ดังที่ได้เขียนไว้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเราเริ่มตื่นตัวเรื่องน้ำดื่มกันมานาน พอสมควรเท่าที่ผมจำได้ เมื่อประมาณ 20 กว่าปีมาแล้ว คือสมัยที่ผมเกษียณอายุและกลับมาอยู่เมืองไทยเมื่อ 24 ปีที่แล้วนี้เอง

ความ ตื่นตัวเรื่องน้ำดื่มทำให้กิจกรรมหรืออุตสาหกรรมทำน้ำดื่มเริ่มเจริญเติบโต ขึ้น แต่จากการศึกษาส่วนตัวและจากการที่ผมเคยเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาและประชุม เรื่องเกี่ยวกับน้ำดื่มมากพอสมควร มาถึงวันนี้ผมต้องกล่าวด้วยความเสียใจว่าปัญหาเรื่องน้ำดื่มของเรายังแก้ไข ไม่ได้

ความปลอดภัยและความเข้มงวดในการผลิตน้ำขวดของเหล่าหลายยี่ห้อ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ไว้ใจไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างจังหวัด บางแห่งผมได้เห็นมากับตาว่าวิธีผลิตน้ำขวดนั้นใช้วิธีง่ายๆ คือเอาน้ำประปาใส่ขวดปิดจุกแล้วก็บรรทุกรถมาขายชาวบ้าน บางแห่งเข้าไปขายส่งตามปั๊มน้ำมัน และซุปเปอร์มาร์เกตหน้าเฉยตาเฉย ลอง สังเกตดูจะเห็นความจริงขณะนี้

1.น้ำดื่มแพงกว่าทองเสียอีก เพราะเป็นธุรกิจที่ทำกันง่ายๆ การควบคุมหละหลวม เพราะเจ้าหน้าที่ไม่เอาใจใส่ ผู้ผลิตก็ผลิตกันตามใจชอบ บางบริษัทขายดิบขายดี บางบริษัทไม่ดีอยู่ได้ไม่ถึงปีก็ต้องล้ม ที่ขายได้ ดีหรือไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่คุณภาพของน้ำ แต่อยู่ที่การตลาดและการโฆษณาว่าจะทุ่มเทเงินทองในเรื่องน้ำขวดและน้ำดื่ม นี้ได้อย่างไร

เรื่องน้ำขวดแพงกว่าทองนี้มีวิธีคิดเล่นๆ น้ำจากการประปาหรือน้ำประปาราคาหน่วยละ 8.50 บาท หนึ่งหน่วยคือหนึ่งลูกบาศก์เมตร = 1,000 ลิตร ฉะนั้น น้ำประปา 1 ลิตร ราคาไม่ถึงหนึ่งสตางค์ คือ = 0.85 สตางค์เท่านั้นแต่น้ำดื่มอย่างเป็นขวด ขวดใหญ่ 1.5 ลิตร ราคา 18 บาท คิดแล้ว 1 ลิตร = 16.17 บาท ลองคิดดูว่าน้ำแพงกว่าทองได้อย่างไร และถ้ามีคนคิดง่ายๆเอาน้ำประปาใส่ขวด-ปิดฝา-ประทับตราสวยๆไปขายขวดหนึ่งลิตร = 16.17 บาท จะกลายเป็นเศรษฐีหน้าเลือดมหาโหดได้อย่างไร

(กรุณาอย่า ไปอ้างเรื่องการตลาดหรือเป็นเพราะกฎเกณฑ์เรื่องการตลาดเลย เคยฟังเรื่องทางพระท่านเคยสอนไว้ว่า ถ้าหวงน้ำชาติหน้าจะไปเกิดเป็นคนท้องมานได้ไหม ไม่ต้องอ้างอิงกฎเกณฑ์อะไรหรอก บอกแล้วว่าเป็นวิธีคิดเล่นๆเท่านั้น)

ความ จริงอีกอย่างหนึ่ง คือสารที่มีชีวิตอย่างเช่นพวกเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งมีทั้งแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา เชื้อพยาธิ และกลุ่มหนอนต่างๆ นอกจากนั้น ก็ยังมีเศษขยะ เศษอาหาร ผลไม้ ซากสัตว์ต่างๆ ซึ่งได้เห็นบ่อยๆตามแม่น้ำลำคลอง (อย่าลืมว่าน้ำในแม่น้ำเหล่านี้นี่แหละที่เป็นแหล่งน้ำประปาของเรา)

2. สารอนินทรีย์ ส่วนมากจะเป็นสารเคมีตามธรรมชาติอย่างเช่น กำมะถัน แคลเซียม แมกนีเซียม ตามถ้ำ ตามเขา ซึ่งมีต้นน้ำลำธารไหลผ่าน ธาตุต่างๆเหล่านี้ก็ผสมตัวเองลงไปในน้ำ แล้วก็ไหลต่อมาลงแม่น้ำลำคลอง

นอก จากนั้น ยังมีธาตุโลหะหนักต่างๆจากโรงงานอุตสาหกรรมและโรงงานสารเคมีต่างๆ โลหะหนักเหล่านี้เป็นอันตรายเงียบ และสมัยแรกๆเป็นอันตรายซึ่งมองไม่เห็นตัว เพราะประชาชนและคนที่ทำงานในโรงงานเหล่านี้ไม่มีความรู้เกี่ยวกับสารเคมีและ โลหะหนักต่างๆ จนกระทั่งเกิดโรคแปลกประหลาดอย่างเช่น โรคมินนามาตะ ซึ่งเป็นโรคที่ชาวญี่ปุ่นกินและดื่มอาหารจาก MINAMATA BAY จนเกิดเป็นโรคทรมานเจ็บปวดร่างกายแสนสาหัสขึ้น จึงได้มีการศึกษาและสอบสวนหาสาเหตุเป็นการใหญ่ จึงได้รู้ฤทธิ์ของสารจากโลหะหนักซึ่งปนเปื้อนอยู่ในน้ำว่าร้ายแรงเพียงไร

สาร จากโลหะหนักเหล่านี้ ได้แก่ ทองแดง ปรอท ตะกั่ว โคบอลท์ สังกะสี หรือไซยาไนด์ ส่วนมากจะเป็นสารจากโรงงานทำสี แบตเตอรี่ ยาฆ่าแมลง ยาปราบศัตรูพืช เหล่านี้เป็นต้น ผู้ที่ป่วยเพราะมีสารเหล่านี้อยู่ในตัว อย่างเบาๆก็จะรู้สึกชาในปาก ชาตามแขนขา และตาจะมืดมัวมองไม่ชัด

อาการ ที่หนักกว่านั้นก็คือ อาการอัมพฤกษ์หรืออัมพาต พูดไม่ชัด หรือพูดไม่ได้ หูหนวก เคลื่อนไหวไม่ได้ ที่ทรมานมากคือจะมีอาการปวด กระตุกทั่วตัว ที่หนักที่สุดอาการก็จะลงที่ไตและตับ เมื่ออวัยวะสองอย่างนี้ล้มเหลว ทำงานไม่ได้ อาการก็จะหนักจนถึงขั้นเสียชีวิต

3. สารเบ็ดเตล็ด มีอีกมากมายแล้วแต่ชุมชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำจะมีความระแวดระวังป้องกันสิ่ง สกปรกที่โยนลงน้ำมากแค่ไหน เช่น บางครั้งเราจะเห็นของเก่าๆ ที่นอนผุๆเน่าๆ ขยะ กระดาษ โฟม แป้งลอยอยู่ตามน้ำ เป็นต้น มากน้อยแค่ไหนแล้วแต่ชุมชนข้างคลอง-แม่น้ำเหล่านั้น นอกจากนั้น ก็มีสารอื่นๆ เช่น ผงซักฟอก (ซึ่งทำให้เกิดฟองอย่างหนัก) ของเสียต่างๆ เช่น ของหมัก-ของดอง เป็นต้น

ยังมีบางอย่างจากต่างประเทศ แต่ก็อาจจะมีในเมืองไทยแล้วก็ได้ คือ สารกัมมันตรังสีจากโรงงานปรมาณู ซึ่งจะเป็นในรูปกากขยะกัมมันตรังสี แม้แต่ โรงงานยาหรือเครื่องมือแพทย์ก็มีกัมมันตรังสีได้ และยังมีสารอื่นๆจากโรงงานที่ทำให้น้ำเน่าเหม็น ที่มันเน่าเหม็นและดำสกปรกนี้ คือ ผลที่มาจากน้ำขาดออกซิเจน หรือแม้แต่มีใครเทน้ำมันหรือไขมันลงน้ำ ก็ทำให้น้ำเน่าเหม็นและสกปรกได้ สิ่งเน่าเหม็นเหล่านี้ ยังทำให้เกิดโรคระบาดใหญ่โตอีกหลายโรค ตัวที่ทำให้เกิดโรคระบาดก็คือ ยุง ซึ่งเท่าที่ทราบก็มีโครงการกำจัดยุงมาตั้งหลายปีแล้ว แต่ยุงก็ไม่เคยหมด น้ำก็ไม่เคยหยุดเน่า คนก็ไม่เคยหยุดป่วย

ก็ได้แต่กราบขอร้องเจ้า หน้าที่แหละครับ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตร กทม. และเทศบาลตำบล อำเภอทุกแห่ง ช่วยดูแลและเอาจริงเอาจังกับการป้องกันแก้เรื่องมลภาวะในเมืองไทยให้เข้ารูป เข้ารอยเสียหน่อย เท่ากับได้ช่วยประชาชนคนไทยมีชีวิตชีวา มีสุขภาพที่ดีกว่าเดิม และข้อสำคัญให้ได้รู้สึกว่ามีสภาพของความเป็นคนเต็มคนขึ้นมาสักหน่อย เมืองไทยของเราคงน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ คำแนะนำตอนนี้เกี่ยวแก่การแก้โรคภัยไข้เจ็บซึ่งเกิดจากน้ำดื่มสกปรกคงจะยัง ไม่ต้องพูดถึงหรอกครับ เพราะมีรายละเอียดมากมายและลึกซึ้งยากเย็นมากในการแก้โรคจากมลพิษนี้

ขอแนะ นำตอนนี้ด้วยการแก้ที่ต้นเหตุ คือ ช่วยกันหาน้ำดื่มที่สะอาดมาดื่มกันดีกว่า

1. ที่ง่ายที่สุด ก็คือหมั่นต้มน้ำกินทุกวัน ยากขึ้นมาหน่อยก็กรองเสียก่อนแล้วจึงต้ม แม้น้ำประปาก็ควรจะกรองด้วยครับ การกรองและต้มนั้นจะแก้ปัญหาทุกประการของน้ำดื่มไม่ได้หมดครับ แต่อย่างน้อยการต้มก็เท่ากับฆ่าเชื้อโรคได้ ถ้าน้ำไม่มีเชื้อโรคก็เท่ากับแก้ปัญหาได้แล้วถึงครึ่ง

2. การกรองน้ำ นั้น ไม่ใช่ว่าอยากจะเพิ่มภาระให้กับเพื่อนๆชีวจิตหรอกนะครับ แต่ถ้าพอจะกระเบียดกระเสียนแบ่งรายได้สักนิด ซื้อเครื่องกรองน้ำเล็กๆได้ก็ดี ขอแนะนำให้ซื้อชนิดที่มีถ่านคาร์บอนอยู่ในเครื่องกรอง? (SOLID?? BLOCK?? CAR-BON) พอจะกรองโลหะหนักบางอย่างออกได้

3. แพงขึ้นมาอีกหน่อ ก็คือ เครื่องกรองน้ำแบบ REVERSE OSMOSIS หรือ R.O. ผมว่าเครื่องเหล่านี้พอใช้ได้ปลอดภัยครับ

ระวังพวกที่โฆษณาเครื่อง กรองน้ำแบบมีน้ำแร่อยู่ในตัว ผมโดนหลอกมาแล้ว ไปดูที่ร้านโกหกทั้งเพ พวกนี้ลูกไม้มากๆด้วย ให้ดูที่มาตราฐานที่ได้รับและความน่าเชื่อถือของบริษัท.

Contact Us:Tell: 668-3034-0025

E-MailActivateWater@hotmail.com
Webhttp://waterconner.blogspot.com
FB: http://on.fb.me/1yIgVIK 

(International Support) 

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.