Friday, June 18, 2010

ลักษณะของน้ำดื่มในอุดมคติ

ลักษณะ ของน้ำดื่มในอุดมคติที่มีคุณประโยชน์กับร่างกายมนุษย์มีดังนี้1. ปราศจากสารปนเปื้อนทางเคมี และสารอินทรีย์ต่าง ๆ อาทิ เชื้อจุลินทรีย์ โลหะหนัก สารเคมี ฯลฯ
2. ประกอบด้วยแร่ธาตุที่จำเป็น ต่อร่างกาย อาทิ โปแตสเซียม แมกมีเซียม แคลเซียม เป็นต้น การที่น้ำมีแร่ธาตุละลายอยู่ มากจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว นอนหลับ สดใส กระปรี้ กระเปร่า ลดคอลเลสเตอรอลและจิตใจสงบผ่อนคลาย
3. มีโครงสร้างโมเลกุลขนาดเล็ก ทำให้แทรกซึมสู่เซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถ นำพาสาร อาหาร และออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างทั่วถึง และนำพาของเสีย ออกมาจากเซลล์ไปทิ้งได้
4. มีความกระด้างของน้ำปานกลาง มีประจุไฟฟ้าสูงและเป็นสื่อนำความร้อนที่ดี
5. มีความเป็นด่างอ่อน ๆ โดมีค่าความเป็นกรด - ด่างระหว่าง pH 7.25 - 8.50 เพื่อช่วยกำจัดความ เป็นกรด และของเสียในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีภาวะที่สมดุล
6. มีปริมาณ ออกซิเจนเจือปนอยู่ด้วยสูง วัดค่าได้ประมาณ 5 มิลลิกรัม ต่อลิตรหรือมากกว่า

ลักษณะของน้ำดื่มที่ควรหลีกเลี่ยง
1.น้ำ อ่อน คือน้ำที่ไม่มีแร่ธาตุและมีส่วนเกี่ยวพันกับการเกิดโรคหัวใจและความดันโลหิต สูง
2.น้ำกลั่น ซึ่งไม่มีแร่ธาตุที่มีประโยชน์ละลายอยู่เลยเป็นผลให้ร่างกายต้องดึงแร่ธาตุ ที่จำเป็น เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม และเกลือแร่อื่น ๆ ออกมาใช้ จึงอาจทำให้ร่างกายขาดแร่ธาตุเหล่านี้ ก่อให้เกิด โรคหัวใจ และหลอดเลือดจนเป็นอันตรายถึงชีวิต
3.น้ำดื่มบรรจุขวด ที่มีสารปนเปื้อนและไม่ได้มาตรฐานแม้จะดูใส และปลอดภัยกว่าน้ำประปา แต่ 25 % ของน้ำดื่มบรรจุขวดเป็นเพียงการนำน้ำประปามาใส่ขวด และปรับปรุงคุณภาพเล็กน้อยเท่านั้น
4.น้ำประปามีคลอรีนซึ่งช่วย ฆ่าเชื้อแบคทีเรียแต่จะก่อให้เกิดสารพิษชื่อไตฮา โลมีเทน (Trihalomethanes-THM) เกิดจากคลอรีนทำปฏิกิริยากับสารอินทรีย์ในธรรมชาติซึ่งละลายอยู่ในน้ำ ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โลหิตจาง มะเร็งลำไส้ใหญ่ สมองเสื่อม เป็นต้น
5.น้ำอัดลม ทำมาจากน้ำกลั่นหรือน้ำอ่อนที่ไม่มีแร่ธาตุ ทำให้ร่างกายต้องสูญเสียแร่ธาตุและดึงแร่ธาตุที่ จำเป็นออกมาใช้ อาทิแคลเซียมและแร่ธาตุเหล่านี้จะสูญเสียออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ และอื่น ๆ ซึ่งการสูญเสีแร่ธาตุจากร่างเหล่านี้ จะส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ ต่อมา เช่น กระดูกพรุน ข้ออักเสบ ความ เสื่อมต่าง ๆ แก่ก่อนวัย เป็นต้น
6.น้ำ หวาน / น้ำผลไม้สำเร็จรูป เป็นเพียงน้ำตาลกับสีผสมน้ำ โดยแต่งกลิ่นธรรมชาติเข้าไปและอาจเติมวิตามินหรือแร่ธาตุปะปนอยู่บ้าง แต่จะก่อให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดีกับร่างกายในระยะยาว

มลพิษ ในสิ่งแวดล้อม รอบตัวเราสามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย โดยมากับอาหาร น้ำดื่ม และอากาศที่เราหายใจ นอกจากนี้ ชีวิตที่ถูกกดดันจากค่าครองชีพ การดิ้นรนเพื่อชีวิตอยู่รอด ก่อให้เกิดความเครียดทั้งจิตใจและร่างกาย การไม่รู้จักดูแล สุขภาพของตนเอง อาจเพราะความไม่รู้หรือเพราะความประมาท สิ่งต่างๆ เห่ลานี้ได้พุ่งเข้ามาทำลายระบบต้านทานของร่างกาย ทุกวินาที ทุกนาที และทุกชั่วโมง จนถึงจุดที่ร่างกายต่อสู้ต้านทานไม่ได้เพราะขาดกำลังสนับสนุน แนวตั้งรับถูกทำลาย ร่างกายก็จะพ่ายแพ้ทำให้เกิดโรคเรื้อรัง (Chronic illness) เกิดโรคความเสื่อม (Degenerative Diseases) ความแก่ (Aging) ถ้ามาเยือนด้วยอัตราเร่งกว่าที่ควรคือ แก่เร็วขึ้น แต่การรักษาแบบปัจจุบันก้าวหน้ามากทำให้ท่านตายช้าลง บทสรุปง่ายๆ ก็คือ ตายช้าแต่แก่เร็ว

น้ำดื่มที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอะไร?

1. น้ำอ่อน
น้ำ อ่อนคือน้ำซึ่งไม่มีเกลือแร่ นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาและพบว่า น้ำอ่อนทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจและโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเกิดจากร่างกายปรับตัวตลอดเวลาโดยไม่หยุดพักเนื่องจากขาดน้ำเรื้อรัง มีบทความซึ่งอ้างถึงการศึกษาล่าสุด ในวารสารของสมาคมโภชนาการอเมริกา (Journal of the American Dietetic Association) ได้ชี้ให้เห็นว่า การดื่มน้ำกระด้างหรือน้ำที่มีเกลือแร่สามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดโรค หัวใจได้ และจากการรายงานการประชุมทางโภชนาการของ Whitney and Hamilton ได้สรุปผลในทำนองเดียวกันว่า น้ำอ่อน (น้ำที่มีไม่มีเกลือแร่) จะเกี่ยวพันกับการเกิดโรคหัวใจและโรคความดันโลหิตสูง ส่วนน้ำที่กระด้าง (น้ำที่มีเกลือแร่ละลายอยู่) ให้ผลตรงข้าม
น้ำอ่อนไม่มีเกลือแร่ น้ำดื่มเพื่อสุขภาพจะต้องมีความกระด้างไม่เกิน 170 ppm ( 170 ในส่วนล้านส่วน) ต้องมีเกลือแร่ (Minerals) ละลายอยู่ น้ำที่ปราศจากเกลือแร่ คือน้ำที่ผลิตในระบบการสั่น (Distillation) ผลการวิจัยเรื่องเกี่ยวกับโรคหัวใจและมะเร็งได้สรุปว่า น้ำดื่มเพื่อสุขภาพต้องมรเกลือแร่ละลายอยู่ด้วย จะช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้นน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ หมายถึงน้ำที่เอาสิ่งปนเปื้อนอันตรายมีทั้งแบคทีเรีย สารเคมี และโลหะหนักออกไปหมด แต่คงไว้ซึ่งเกลือแร่ที่มีประโยชน์ (“Healthywater” means removing the harmful agents but keeping the beneficial minerals)
ดร.จอห์น ซอเรนซัน (Dr.John Sorenson) กล่าวว่า เกลือแร่ในน้ำดื่มจะดูดซึมเข้าร่างกายได้ดีกว่าเกืลอแร่ที่มาจากอาหาร
การ กินเกลือแร่เสริมไม่ง่ายนัก น้ำที่บริสุทธิ์และไม่มีเกลือแร่เลย เมื่อใส่ในอ่างเพื่อเลี้ยงปลา ปลาก็จะตาย ถ้าคนดื่มน้ำกัล่นเป็นระยะเวลานานโดยสม่ำเสมอ มันจะดึงแร่ธาตุ (Minera) ที่มีค่า เช่น แคลเซียม (Calcium) แมกนีเซียม (Magnesium) ฯลฯ ออกจากอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย จึงเป็นอันตรายต่อสุขภาพ การแก้โดยกินเกลือแร่เสริม (Mineral Supplements) เป็นเรื่องไม่ง่ายนัก เพราะเกลือแร่ที่อัดเป็นเม็ด ซึ่งการทำยาเม็ดเกลือแร่ต้องใช้แรงอัด 100 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ผู้สูงอายุอาจไม่สามารถดูดซึมเข้าร่างกายได้ หรือถ้าได้ก็ไม่เกินร้อยละ 20 แม้แต่แคลเซียมในอาหารก็ดูดซึมได้ไม่เกินร้อยละ 30

2. น้ำกลั่น
อย่าดื่มน้ำกลั่นเป็นประจำ อันตรายต่อสุขภาพ นาย แพทย์ Joseph Mercola ได้เขียนบทความเรื่อง “การตายก่อนวัยอันควร เนื่องจากน้ำดื่มเป็นน้ำกลั่น” (Early Death Comes From Drinking Distilled Water) โดยพูดถึงประสบการณ์ที่ได้พบเห็นว่า น้ำดื่มที่ประชาชนส่วนใหญ่ใช้ดื่ม คือน้ำประปาจากก๊อกน้ำโดยตรง จะมีอันตรายต่อสุขภาพ เพราะมักจะมีการปนเปื้อนสารเคมีต่างๆ ในน้ำดิบซึ่งใช้ในการทำน้ำประปา จึงมีผู้ผลิตน้ำเพื่อบริโภคในรูปของน้ำกลั่น ซึ่งจะกำจัดสารเคมีตกค้างดังกล่าวหมดไปได้ แต่ได้น้ำซึ่งไม่มีแร่ธาตุที่มีประโยชน์ละลายอยู่ด้วยเลย ถ้าดื่มน้ำทุกวันจะพบว่ามีอันตรายต่อสุขภาพมากยิ่งกว่าเดิม เพราะน้ำกลั่นจะมีคุณสมบัติเป็นตัวละลายสูง ไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้ จึงดูดซึมทุกอย่าง ทั้งสารพิษและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ซึ่งสะสมอยู่ตามอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ดังนั้นในทางทฤษฎี ถ้าดื่มน้ำกลั่นเป็นครั้งคราวจะดีมาก ในการที่จะละลายสารพิษในร่างกายเข้ามาในตัว แล้วพาออกไปทิ้งนอกร่างกายในรูปของปัสสาวะและอุจจาระ แต่ถ้าใช้ประจำจะดึงแร่ธาตุที่จำเป็นของร่างกาย เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม และเกลือแร่อื่นๆ ออกมา ทำให้อวัยวะดังกล่าวขาดเกลือแร่ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็น
การดื่มน้ำ กลั่นทำให้ขาดแคลเซียมได้ การวิจัยระบุว่า การดึงแคลเซียมออกจากกระดูกและหัวใจอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เกิดปัญหาโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) และกล้ามเนื้อหัวใจที่มีธาตุแคลเซียม แมกนีเซียม จะไม่เพียงพอ ก่อให้เกโรคหัวใจและหลอดเลือด (Coronary Heart Disease) เพราะการบีบตัวกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ หัวใจเต้นวันละประมาณ 100,000 ครั้ง ปีละ 36.5 ล้านครั้ง ใน 10 ปี ก็ต้องเต้นอย่างสม่ำเสมอถึง 365 ล้านครั้ง ไม่มีกล้ามเนื้ออะไรในร่างกายที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์เท่ากล้ามเนื้อหัวใจ ถ้าเกิดความเสื่อม เช่น เลือดไปเลี้ยงไม่พอ ก็คือการตั้งต้นของตอนจบของชีวิต จงทำทุกวิถีทางเพื่อถนอมและป้องกันกล้ามเนื้อของหัวใจ ข้อหนึ่งคืออย่าให้ขาดแคลเซียมและแมกนีเซียม
นายแพทย์ Joseph Mercola ได้ระบุอีกตอนหนึ่งว่า มีความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการดื่มน้ำกลั่นเป็นประจำกับการเกิดโรคหัวใจและ หลอดเลือด (Cardiovaacular Disease) เนื่องจากน้ำกลั่นเป็นน้ำอ่อนอย่างแรง – Distilled Water is extremely soft ถ้าดื่มบ่อยๆ เป็นประจำมากเท่าใด ก็เกิดโรคหัวใจมากตามขึ้นไปด้วยเท่านั้น
นายแพทย์ Harold D.Foster ได้เขียนเรื่อง “น้ำบาดาลและสุขภาพอนามัยของมนุษย์” (Ground Water and Human Health) ความตอนหนึ่งว่า จากผลของการศึกษาของสถาบันวิทยาศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมมากกว่า 50 เรื่อง แสดงได้เห็นว่าการตายของโรคหัวใจและหลอดเลือดจะมีเพิ่มมากขึ้นโดยสัมพันธ์ กันกับน้ำที่มีเกลือแร่ละลายน้อยลง นั่นคือถ้าประชาชนดื่มน้ำที่มีเกลือแร่ของแคลเซียมและแมกนีเซียมในน้ำดื่ม จะทำให้การตายด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดในประเทศสหรัฐอเมริกาลดลงได้ถึง 150,000 รายต่อปี
น้ำกลั่นจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งร่างกายไม่ประสงค์ น้ำกลั่น เป็นน้ำดื่มที่มีอำนาจละลายสารต่างๆ ได้สูงมากดังได้กล่าวมาแล้ว เมื่อตั้งทิ้งไว้จะดูดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Dioxide – CO2) จากอากาศมาเป็นกรดคาร์บอนิค (Cabonic Acid) นั่นคือน้ำนั้นจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ยิ่งดื่มน้ำกลั่นมากเท่าใด ร่างกายจะมีสภาวะเป็นกรดในเลือดสูงมากขึ้นเท่านั้น จากเอกสารของสถาบันป้องกันสิ่งแวดล้อมของอเมริกา (U.S Environmental Protection Agency) ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า น้ำกลั่นซึ่งไม่มีแร่ธาตุเจือปนอยู่เลย จะมีความน่ากลัว เพราะมันพยายามละลายสารทุกอย่างซึ่งมันสัมผัสเข้าในตัวของมัน เช่น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศจะละลายในน้ำได้อย่างรวดเร็ว ทำให้น้ำมีสภาวะเป็นกรด และที่น่ากลัวมากกว่านั้นคือ โลหะหนักต่างๆ (Heavy Metal) จะถูกละลายเข้าไปในน้ำกลั่นนั้นได้ ซึ่งโลหะหนักทุกชนิดนั้นทางการแพทย์ถือว่า แม้จะบริโภคในจำนวนน้อย แต่มันสามารถสะสมในร่างกายและทำอันตรายต่อสุขภาพของเราได้ อันดับแรกแรกและสำคัญที่สุดคือไปสะสมที่เนื้อสมอง ทำให้สมองเสื่อม สำหรับอันตรายในการที่น้ำดื่มมีฤทธิ์เป็นกรด จะได้ก่ลาวถึงในบทต่อไป
ดื่มน้ำกลั่นทำให้ร่างกายขาดเกลือแร่ การดื่มน้ำกลั่นหรือน้ำที่ปราศจากเกลือแร่ ย่อมทำให้เกิดภาวะร่างกายขาดเกลือแร่หลัก (Major Minerrals) รวมทั้งเกลือแร่ที่หายาก (Trace Minerals) น้ำกลั่นจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ด้วยสาเหตุอันเกิดจากการลายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากอากาศเข้าไปในน้ำกลั่นได้ง่าย และเกิดสภาวะเป็นกรดคาร์บอนิค ซึ่งน้ำที่ดีหรือน้ำในอุดมคติ ต้องมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ เนื่องจากร่างกายมี pH 7.4 ซึ่งมีสภาวะเป็นด่าง ถ้าเมื่อใด pH ในเลือดเป็น 6.8 จะเกิดอาการกรดเป็นพิษ (Acidosis) หมดสติ (Coma) และถึงตายได้ การที่จะมีฤทธิ์เป็นด่างนี้คือ น้ำจะต้องมีเกลือแร่ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ละลายอยู่ อย่างไรก็ดี การดื่มน้ำกลั่นนานๆ ครั้ง (เช่น 2 อาทิตย์ต่อครั้ง) จะช่วยละลายสารพิษ (Toxin) ในร่างกายให้ขับแคลเซียมและแมกนีเซียมออกมามากเกินไป

3. น้ำดื่มบรรจุขวด (น้ำขวดที่อาจไม่ได้มาตราฐาน)
ใน ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่ามีสิ่งต่างๆ ปนเปื้อนในน้ำดื่มมากกว่า 2,100 ชนิด และในจำนวนดังกล่าวมี 190 ชนิด ที่ทำอันตรายต่อสุขภาพ และ 97 ชนิด เป็นสารก่อมะเร็ง บริษัทที่ผลิตน้ำบรรจุขวดที่ไม่ได้มาตรฐานจะมองข้ามปัญหาสิ่งปนเปื้อนเหล่า นี้ เพราะรู้ว่าผู้บริโภคจะไม่ทราบ ไม่สังเกตเห็น ทำให้สารเคมีและโลหะหนักละลายมาในน้ำดื่ม ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง
น้ำที่ใส่ขวดขายใช่ว่าจะปลอดภัย กว่าน้ำประปา ในอเมริกามีน้ำดื่มบรรจุขวดมากกว่า 700 ยี่ห้อ คณะมนตรีด้านการป้องกันทรัพยากรได้ทำการศึกษา น้ำดื่มจากโรงงานอุตสาหกรรมผลิตน้ำขวด โดยเปรียบเทียบกับมาตรฐานน้ำสะอาด และมาตรฐานน้ำประปาแห่งชาติ ได้ทำการกรวดน้ำดื่มบรรจุขวดมากกว่า 1,000 ขวด สรุปว่าไม่สามารถจะรับรองความปอลดภัยได้ทั้งหมด น้ำดื่มบรรจุขวดจะดูใสกว่า
คลอรีนที่ใส่ในน้ำก็เพื่อป้องกันตัวเราไม่ให้เชื้อแบคทีเรียทำอันตรายได้ แต่คลอรีนก็มีความเกี่ยวพันกับการเกิดมะเร็ง และดูปลอดภัยกว่าน้ำประปา แต่ความจริงร้อยละ 25 ของน้ำดื่มบรรจุขวดก็เป็นเพียงเอาน้ำประปามาใส่ขวด ปรับปรุงนิดหน่อยเท่านั้น การเลือกน้ำดื่มชนิดขวดในประเทศไทยจึงควรจะเลือกจากบริษัทผู้ผลิตที่เชื่อ ถือได้ มีชื่อเสียง และได้รับอนุญาตจาก อย.(คณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข) ให้ผลิตได้เท่านั้น

4. น้ำประปา
น้ำ ประปาใช้คลอรีนฆ่าเชื้อโรค การฆ่าเชื้อโรคในน้ำดื่ม สำนักงานประปาทุกแห่งในประเทศไทยจะใช้สารคลอรีน เพราะราคาถูก ใช้ง่าย ทำลายเชื้อแบคทีเรียได้แน่นอน แต่การที่คลอรีนในน้ำดื่ม สามารถทำลายเชื้อโรคได้ มันก็สามารถทำลายแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ รวมทั้งเซลล์ปกติของร่างกายได้ด้วยเช่นกัน คลอรีนจะทำให้เกิดสารพิษชนิดหนึ่ง ชื่อ ไตรฮาโลมีเทน (Trihalomethanes- THM) ซึ่งเกิดจากคลอรีนทำปฏิกิริยากับสารอินทรีย์ในธรรมชาติที่ละลายอยู่ในน้ำ
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยดคลัมเบียในสหรัฐอเมริการายงานว่า ผู้หญิงที่ดื่มน้ำที่มีคลอรีนเป็นประจำ มีอัตราการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารหรือระบบปัสสาวะ สูงกว่าผู้หญิงที่ดื่มน้ำปราศจากคลอรีนถึง 44% และยังพบว่า การดื่มน้ำที่มีคลอรีนจะสัมพันธ์กับการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโลหิตจาง นี้เนื่องมาจากผลร้ายของคลอรีนต่อเม็ดเลือดแดง (Red Blood Cell)คลอรีน ตัวก่อมะเร็งลำไส้ใหญ่ คลอรีนที่ใส่ในน้ำก็เพื่อป้องกันตัวเราไม่ให้เชื้อแบคทีเรียทำอันตรายได้ แต่คลอรีนก็มีความเกี่ยวพันกับการเกิดมะเร็ง เพราะคลอรีนสามารถไปรวมกับสารอินทรีย์ในน้ำ เกิดสารพิษซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว ในปี พ.ศ.2524 นักวิจัยญี่ปุ่นได้รายงานเรื่องน้ำดื่มที่มีคลอรีนกับการเกิดมะเร็ง โดยสรุปว่าประชาชนที่ดื่มน้ำเติมคลอรีน มีโอกาสเกิดมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่หรือมะเร็งที่กระเพาะปัสสาวะสูงกว่าผู้ที่ ดื่มน้ำปราศจากคลอรีนทซึ่งประชาชนที่ต้องดื่มน้ำมีคลอรีนอยู่ในเขตเมืองเป็น ส่วนใหญ่
น้ำประปาใช้สารส้มซึ่งเน่งการเกิดโรคความจำเสื่อม เป็นเวลานานหลายปีที่นักวิจัยพิศวงในการพบธาตุอลูมินั่ม (Aluminum) ระดับสูงมากในเนื้อสมองของคนที่เป็นโรคแอลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease- โรคสมองเสื่อมในคนชรา) ซึ่งจะมีอาการความจำเสื่อม ลืมชื่อคนรู้จัก ผิดปกติทางการใช้ภาษา คิดเลขไม่ถูก บางทีไม่รู้ว่าขณะนั้นอยู่ที่ไหน อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย ระแวง โมโหร้ายและอาจชัก นักวิจัยจำนวนมากเริ่มคิดว่า ธาตุอลูมินั่มอาจจะเป็นตัวการที่มีบทบาทในการก่อให้เกิดโรคดังกล่าวกับผู้ สูงอายุ อลูมินั่มพบมาก ในธรรมชาติ ในน้ำแล้วยังมีการนำอลูมินั่มมาใช้ทำน้ำประปาโดยสำนักงานประปาหลายแห่ง ในรูปของอลูมินั่มซัลเฟต (Aluminum Sulphate) หรือสารส้มเพื่อทำให้น้ำใสขึ้น ความขุ่นจะตกตะกอน รวมทั้งแบคทีเรียก็จะถูกกำจัดออกจากน้ำโดยการตกตะกอนเช่นกัน อลูมินั่มซัลเฟตที่เหลือนั้นก็จะถูกกรองออกไปด้วยทรายละเอียดอีกครั้ง ในการทำน้ำประปา แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่ทรายละเอียดไม่สามารถกรองสารส้มที่เหลือได้หมด เพราะทรายละเอียดลในระบบทำประปาไม่สามารถกรองสารที่มีขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอนได้ ดังนั้นจึงเชื่อว่าสารส้ม ซึ่งเป็นอลูมินั่มและปนมาในน้ำประปาอาจจะก่อให้เกิดโรคสมองเสื่อม การดื่มน้ำประปาโดยที่ไม่ได้กรองเอาอลูมินั่มออก ย่อมเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
นักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลียได้รายงานผลการ วิจัยในสัตว์ทดลองเรื่องเกี่ยวกับอลูมินั่ม มีข้อความตอนหนึ่งว่า สารสั้มที่ทำให้น้ำใสในระบบประปานั้น พบว่าไปสะสมในมันสมองของหนูในห้องทดอลง ผลของการศึกษานี้แสดงว่าอลูมินั่มในน้ำดื่ม สามารถจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและไปสะสมที่บริเวณสมองได้
ดร.Barry Thomas ผู้เชี่ยวชาญด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ประเทศแคนนาดาได้กล่าวว่า ถึงแม้จะยังไม่สามารถสรุปได้ว่า อลูมินั่มจะก่อให้เกิดสมองพิการและความจำเสื่อมได้หรือไม่ก็ตาม แต่ก็ควรกลัวเอาไว้ก่อนและอย่าประมาท ประเทศแคนนาดาและอีกหลายประเทศยังใช้สารส้มเพื่อกำจัดความขุ่นของน้ำในโรง กรองน้ำ อันเป็นเหตุให้เกิดมีอลูมินั่มตกค้างในน้ำประปา และนี่ก็เป็นเหตุผลอีกข้อหนึ่งในการที่ท่านจะต้องกรองน้ำเองอีกครั้งเพื่อกำ จัดเอาอลูมินั่มออกไปก่อนที่จะใช้น้ำนั้นเพื่อบริโภค
การใช้ฟลูออไรด์ทำ น้ำประปา ระบบประปาบางแห่งในต่างประเทศ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการเติมฟลูออไรด์ (Fluoride) ลงในน้ำประปาเพื่อฆ่าเชื้อโรค ฟลูออไรด์นี้ ทันตแพทย์เชื่อว่าจะป้องกันฟันผุได้ มาตรฐานการเติมของฟลูออไรด์ คือไม่เกิน 1 ส่วนในน้ำล้านส่วน (1 ppm) บางแห่งยอมให้ 1.5 ppm ถ้าสูงกว่า 4 ppm อาจเกิดปัญหาฟลูออไรด์เป็นพิษ (Fluorosis) ขึ้นได้ การกินฟลูออไรด์มากเกินไปจะทำให้จะทำให้ฟันเป็นฝ้าสีน้ำตาล และเป็นจุดๆ บนฟันแท้ ช่วงอันตรายของปัญหาฟลูออไรด์เป็นพอเศษจะเกิดง่ายตอนฟันกำลังจะงอกจากเหงือก
ดังนั้นเด็กที่อายุต่ำกว่า 9 ปี ไม่ควรดื่มน้ำซึ่งมีฟลูออไรด์มากกว่า 1 ppm โดยเด็ดขาด (ในยาสีฟันมีฟลูออไรด์สูงมาก 1000-2000 ppm และยาสีฟันมักหอม รสหวาน ดังนั้นจงระวังอย่าให้เด็กกลืนยาสีฟัน) ฟลูออไรด์ถ้าสะสมทีละน้อยจนอายุ 60 ปี จะช่วยเร่งให้กระดูกพรุนเร็วขึ้น เพราะมันจะไปจับกับแคลเซียม ซึ่งเป็นสาเหตุของกระดูกหักในผู้หญิงสูงอายุในสหรัฐอเมริกา

5. น้ำอัดลมน้ำผลไม้
นัก วิทยาศาสตร์ได้พูดถึงเครื่องดื่มหลายชนิด เช่น น้ำอัดลม ซึ่งทำมาจากน้ำกลั่น หรือน้ำอ่อนไม่มีเกืลอแร่ มีการศึกษาพบว่า ผู้ซึ่งชอบดื่มน้ำอัดลม (ไม่ว่าชนิดมีน้ำตาลหรือไม่มีน้ำตาล) จะสูญเสียธาตุแคลเซียม แมกนีเซียม และเกลือแร่ที่จำเป็นของร่างกายออกมาทางปัสสาวะ และเกลือแร่ที่สูญเสียมากเท่าใด ก็จะมีโอกาสเกิดโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) ข้ออักเสบ (Osteoarthritis) การทำงานของต่อมไทรอยด์ต่ำ (Hypothyroidism) และโรคแห่งความเสื่อมต่างๆ (Degenerative Disease) ซึ่งเป็นต้นเหตุของความแก่ก่อนวัย
สาเหตุก็เพราะน้ำกลั่นที่นำมาใช้ทำน้ำอัดลมจะละลายเกลือแร่ที่จำเป็นในร่าง กายออกมา
น้ำอัดลมตัวสร้างปัญหา ปัจจุบันมีแพทย์และนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากในหลายประเทศ กำลังศึกษาเพื่อพิสูจน์ทฤษฏีความชราและความเจ็บป่วย ว่ามีสาเหตุโดยตรงมาจากระบบของเสียที่เป็นกรด (Acidic Waste) ในร่างกาย เป็นความจริงที่พบจากผลการศึกษาซึ่งให้ความเห็นว่า ถ้าร่างกายต้องการน้ำ เราก็ควรเอามาจากน้ำ
ดังนั้นการดื่มน้ำอัดลมหรือ น้ำชา กาแฟ หรือเหล้าเบียร์ ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เครื่องดื่มเหล่านี้ไม่ใช่ตัวแก้ปัญหาการขาดน้ำ หรือกระหายน้ำ มันเป็นเพียงเรื่องของสังคมเท่านั้น ในทางกลับกัน เครื่องดื่มต่างๆ ส่วนใหญ่จะทำให้เกิดการขับน้ำออกจากร่างกายมากยิ่งขึ้น คือเพิ่มปัญหา (เพราะฤทธิ์สารคาเฟอีน – Caffeine – ที่อยู่ในเครื่องดื่ม จะกระตุ้นการขับปัสสาวะ ทำให้สูญเสียน้ำมากยิ่งขึ้น) ซึ่งท่านจะต้องชดเชยน้ำในร่างกาย คือดื่มน้ำเปล่ามากขึ้นกว่าเดิมอีกทุกๆ 1 แก้ว (240 ซีซี) ต่อการดื่มกาแฟ หรือโคล่า 1 ถ้วย อนึ่ง น้ำอัดลมประเภทโคล่ามีค่า pH 2.5 ซึ่งมีความเป็นกรดสูง ซึ่งจะได้กล่าวถึงในโอกาสต่อไป

6. น้ำผลไม้ (Fruit Juice)
กุมาร แพทย์ส่วนใหญ่ถือว่า การให้เด็กดื่มน้ำผลไม้บ่อยๆ กลับทำให้เด็กสุขภาพไม่สมบูรณ์ นายแพทย์คาลอส ลีฟชิท (Carlos Lifschitz, M.D.) จาก Baylor College of Medicine ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า พ่อแม่บางคนเชื่อว่าน้ำผลไม้เป็นของดี บำรุงสุขภาพเด็ก แต่ที่จริงน้ำผลไม้ก็เป็นเพียงน้ำตาลกับสีผสมน้ำและเติมกลิ่น ซึ่งอาจมีวิตามินและเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์อยู่บ้าง แต่ผลร้ายดูจะมากกว่าผลดี นอกจากนี้ สถาบันกุมารเวชศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา (American Academy of Peddiatrics – AAP) ยังได้แนะนำสมาชิกกุมารแพทย์อเมริกา (ปี พ.ศ.2532) ให้เตือนผู้ปกครองเรื่องอันตรายจากการให้ลูกดื่มน้ำผลไม้ผสมสีมากเกินไป (น้ำส้มคั้นสดแท้ๆ และน้ำผลไม้ที่คั้นสด ไม่ถือว่าเป็น Friut Juice ในที่นี้ – ผู้เขียน)

น้ำดื่มในอุดมคติ
นักวิจัยซึ่งเป็นนายแพทย์ชาวญี่ปุ่น เชื่อว่า ร่างกายของมนุษย์ถูกโจมตีโดยอนุมูลอิสระ (Free Radical) ตลอดเวลา เพราะสิ่งปนเปื้อนที่เป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดอนุมูลอิสระมีอยู่ทั่วๆไป มีอยู่ทั้งในอากาศที่เราหายใจ อาหารที่เรากินและน้ำที่เราใช้ดื่ม ซึ่งอนุมูลอิสระที่แทรกซึมเข้าไปในร่างกายจะถูกทำลายภูมิต้านทานพ่ายแพ้ ก็หมายถึงการเกิดการเจ็บป่วย และรวมถึงการเกิดมะเร็งขึ้นได้ กลุ่มนักวิจัยยังพบว่า น้ำดื่มมีความสัมพันธ์กับความเจ็บป่วยและชะลอความชราได้ ก็ต้องอาศัยน้ำดื่มที่มีคุณภาพ
น้ำยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของเลือดเพราะเป็นน้ำถึง 92 เปอร์เซ็นต์ เลือดจะนำสารอาหารทั้ง 5 หมู่ สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ออกซิเจนรวมทั้งเอนไซม์ (Enzyme) ไปให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายและป้องกันเซลล์โดยน้ำจะละลายสารพิษออกมา แล้วนำไปทำลายที่ตับหรือทิ้งออกไปนอกร่างกายในรูปของอุจจาระ ปัสสาวะ และเหงื่อ การที่สารพิษ (Toxin)
น้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่างจะช่วยล้างพิษ ของความเป็นกรด และช่วยเป็นตัวกันชน (Buffer) ให้ร่างกาย เพื่อสร้างความสมดุล
ใน ปัจจุบันมีมาก ทั้งจำนวนและชนิดใหม่ๆ ออกมาปนเปื้อนทั้งในอาการและน้ำดื่ม ทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักในการใช้น้ำละลายสารพิษเพื่อขับออกไปทิ้งอยู่ตลอด เวลา

ลักษณะสำคัญของน้ำดื่มในอุดมคติ น้ำดื่มในอุดมคติจึงควรมีลักษณะดังนี้ คือ ต้องเป็น :-
1.น้ำ แร่ (Mineral Water) คือน้ำที่มีเกลือแร่จำเป็นละลายอยู่
2.น้ำที่มี ฤทธิ์เป็นด่าง (Alkaline Water)
3.น้ำที่มีโครงสร้างขนาดเล็ก (Micro Cluster หรือ Small Cluster)
4.น้ำที่ไม่มีสิ่งเจือปนเปื้อนซึ่งเป็น อันตรายต่อสุขภาพ เช่น เชื้อจุลินทรีย์ สารเคมี และโลหะหนัก ฯลฯ


เนื่องจากน้ำในร่างกายมีถึงร้อยละ 70 คุณภาพของน้ำที่เราดื่มเข้าไปในร่างกายจึงมีความสำคัญต่อชีวิต น้ำจะต้องตอบสนองความต้องการของร่างกาย น้ำที่เห็นไม่ใช่ว่าจะมีคุณค่าเท่าเทียมกันหมด เราต้องคำนึงถึงความสะอาด ไม่มีสารเคมีหรือโลหะหนักเจือปน มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ มีขนาดของโครงสร้างที่เล็ก (Micro Clustu) มีเกลือแร่ที่ละลายอย่างพอเพียง ความขุ่นต่ำและปริมาณที่ใช้ดื่มอย่างพอเพียงด้วย แร่ธาตุที่ดีต้องมีกำเนิดมาจากทะเลและมีโครงสร้างเล็ก (Micro Stage) เพราะจะทำให้ร่างกายนำไปใช้ได้ง่ายกว่าแร่ธาตุที่มาจากอาหารทั่วไป ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเป็นความลับทางการค้าของแต่ละบริษัทที่พยายามทำให้แร่ที่เติมลงไปในน้ำมี ปริมาณและคุณภาพที่เหมาะสม ซึ่งท่านสามารถตรวจดูจากรายงานผลการวิเคราะห์ของบริษัทถึงชนิดของแร่ธาตุ ต่างๆ ในน้ำดื่มนั้นๆได้
น้ำที่มีโครงสร้างขนาดเล็ก (ซึ่งวัดโดย Nuclear Magnetic Resonance Spectrometer) จะทำให้แก้กระหาย (Hydration) และแก้อาการขาดน้ำได้รวดเร็ว (Dehydration) การที่มีโครงสร้างเล็กและอยู่ในรูปหกเหลี่ยม (Hexagonal Shape) ทำให้ซึมผ่านเข้าออกเซลล์ได้สะดวกโดยแทรกผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้รวดเร็ว สามารถพาสารอาหารและออกซิเจนเข้าไป และนำคาร์บอนไดออกไซด์และของเสียต่างๆ ออกมาจากเซลล์ เพื่อนำไปทิ้งนอกร่างกายได้โดยสะดวก
น้ำที่มี ฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ จะช่วยกำจัดความเป็นกรดและของเสีย (Acidic Waste) ในร่างกาย ร่างกายในสภาวะสมดุลต้องการค่า pH 7.4 แต่อาหารที่เรากินรวมทั้งน้ำอัดลม จะมีค่า pH เป็นกรด และเครื่องดื่มประเภทโคล่ามี pH แค่ 2.5 เท่านั้น ยิ่งความเครียดทางร่างกายเนื่องจากทำงานใช้กำลังและอยู่ในที่ร้อนๆ รวมทั้งความเครียดทางจิตใจ ล้วนแต่สร้างความเป็นกรดในร่างกาย การสะสมของเสียที่เป็นกรด (Acidic Waste) นี้ เป็นต้นเหตุของความชรา เมื่อรวมทั้งเซลล์ในร่างกายที่อยู่ในสภาพขาดน้ำเรื้อรัง ความแก่จะยิ่งมาเร็วกว่าปกติ น้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่างจะช่วยล้างพิษของความเป็นกรด และช่วยเป็นตัวกันชน (Buffer) ให้ร่างกาย เพื่อสร้างความสมดุล มีผู้กล่าวว่า น้ำที่คุณสมบัติตามอุดมคติ จะช่วยส่งให้ความชราคืนกลับไป (Reverse Aging Agent) และในนิยายของกรีกโบราณก็พูดถึงน้ำพุ ซึ่งคือน้ำแร่ที่ชะลอความแก่ และยังมีผู้คนที่พยายามเสาะหาน้ำพุของความเป็นหนุ่มสาว (Fountain of Youth)

ดังนั้นน้ำดื่มที่ดีหรือน้ำดื่มในอุดมคติ ย่อมช่วยให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพของร่างกาย ซึ่งพอจะอธิบายได้ง่ายๆ เช่น ระบบเลือดดีขึ้นเพราะเม็ดเลือดแดงไม่ขาดน้ำ (Better Blood From Better Hydration) น้ำมีรสดี (เพราะสะอาดและมีโครงสร้างเล็กหรือ Small Cluster ทำให้ต่อมรับรสรู้สึกได้) น้ำช่วยป้องกันมะเร็ง (เพราะเซลล์มะเร็งไม่ชอบอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีออกซิเจนสมบูรณ์ (Warburg 1932) หรือสิ่งแวดล้อมที่มีฤทธิ์เป็นด่าง) น้ำทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น (การอ่อนเพลียบางครั้งเกิดจากการขาดน้ำเรื้อรัง –Chronic Dehydration) ฯลฯ


ท่าน ผู้อ่านที่รัก น้ำสำคัญต่อชีวิต (Water for Life) มีความสำคัญเป็นลำดับที่สองรองมาจากออกซิเจนในอากาศที่เราหายใจ เราต้องการน้ำที่ดีเพื่อดื่มตลอดวันและทุกวัน วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องคือ เราควรมีน้ำดื่มติดตัวตลอดเวลา และจิบบ่อยๆ ครั้ง ในการประชุมระดับโลก โต๊ะประชุมจะมีแต่ขวดน้ำดื่มและมักเป็นน้ำแร่วางไว้ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมดื่ม ไม่มีการเสริฟกาแฟหรือน้ำหวานในห้องประชุม ท่าน ผู้อ่านต้องมั่นใจว่า ท่านได้ดื่มน้ำจำนวนพอเพียงทุกวัน และต้องมั่นใจอีกด้วยว่า ท่านได้ดื่มน้ำที่สะอาดและมีคุณค่า ไม่ใช่น้ำดื่มที่เต็มไปด้วยสารพิษและสิ่งเจือปน

น้ำ ดื่มในอุดมคติ โดย ศ.ดร.นพ. สมศักดิ์ วรคามิน ขอบคุณอย่างสูงสำหรับความรู้เพื่อประโยชน์ต่อสังคม


Contact Us:Tell: 668-3034-0025

E-MailActivateWater@hotmail.com
Webhttp://waterconner.blogspot.com
FB: http://on.fb.me/1yIgVIK 

(International Support)


No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.